จากไมเกรนธรรมดาสู่ไมเกรนเรื้อรัง จุดเปลี่ยนชีวิตที่ไม่ควรมองข้าม

หลายคนอาจเคยมีอาการปวดหัวข้างเดียวอย่างรุนแรง หรือรู้สึกคลื่นไส้ แพ้แสง แพ้เสียง จนต้องหยุดทำกิจกรรมทุกอย่างทันที อาการเหล่านี้อาจดูเหมือนเป็นแค่ "อาการไมเกรน" ทั่วไป แต่รู้หรือไม่ว่า หากเกิดบ่อยครั้งและไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี อาการเหล่านี้อาจพัฒนาไปสู่ ไมเกรนเรื้อรัง ซึ่งอาจกลายเป็นภาระใหญ่ในชีวิตประจำวันอย่างคาดไม่ถึง
อาการไมเกรน คืออะไร?
ไมเกรน (Migraine) คือ โรคทางระบบประสาทที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะแบบเป็นๆ หายๆ โดยมักปวดข้างเดียว แต่ในบางรายอาจมีอาการสองข้างได้ อาการไมเกรนโดยทั่วไปมักมาพร้อมกับ
• ปวดศีรษะแบบตุบๆ หรือรุนแรงต่อเนื่อง
• คลื่นไส้ หรืออาเจียน
• แพ้แสง แพ้เสียง
• ตาพร่า หรือเห็นแสงวาบ
ไมเกรนแต่ละคนมีอาการและความถี่ที่แตกต่างกัน ซึ่งถ้าหากมีอาการบ่อยเกินเดือนละ 15 วัน ติดต่อกันนานเกิน 3 เดือน อาจจัดอยู่ในกลุ่ม "ไมเกรนเรื้อรัง" แล้ว
ไมเกรนเรื้อรัง คืออะไร?
ไมเกรนเรื้อรัง (Chronic Migraine) คือภาวะที่ผู้ป่วยมีอาการไมเกรนเกือบทุกวัน หรือบ่อยจนกระทบชีวิตประจำวันอย่างชัดเจน โดยมีเกณฑ์เบื้องต้นคือ:
• ปวดศีรษะมากกว่า 15 วันต่อเดือน
• ในจำนวนนี้อย่างน้อย 8 วันเป็นอาการไมเกรนจริงๆ
• เกิดติดต่อกันเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 เดือน
ภาวะนี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความเจ็บปวดเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อคุณภาพชีวิตโดยรวม ทั้งด้านการทำงาน สุขภาพจิต และความสัมพันธ์ในครอบครัว
จุดเปลี่ยนจากไมเกรนธรรมดาสู่ไมเกรนเรื้อรัง
สิ่งที่น่ากังวลคือ ไมเกรนเรื้อรังอาจเริ่มจาก อาการไมเกรนที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ปัจจัยที่ทำให้ไมเกรนกลายเป็นเรื้อรัง ได้แก่:
• รับประทานยาแก้ปวดบ่อยเกินไป
• ความเครียดสะสม
• การนอนหลับไม่เพียงพอ
• การบริโภคอาหารบางชนิด เช่น ช็อกโกแลต คาเฟอีน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
• ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง (โดยเฉพาะในเพศหญิง)
• ไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่แรก
วิธีรับมือกับไมเกรนเรื้อรัง
แม้ว่าไมเกรนเรื้อรังจะดูน่ากังวล แต่หากได้รับการดูแลและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม ก็สามารถควบคุมได้ โดยแนวทางหลักมีดังนี้
พบแพทย์เฉพาะทาง: เพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษา เช่น การใช้ยาป้องกันไมเกรน การฉีดยาเฉพาะกลุ่ม (เช่น ยากลุ่ม CGRP inhibitors)เปลี่ยนพฤติกรรมชีวิต: เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น
จดบันทึกอาการ: เพื่อติดตามความถี่และปัจจัยกระตุ้นอาการ
หลีกเลี่ยงการใช้ยาเกินขนาด: โดยเฉพาะยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs หรือพาราเซตามอล
อย่ามองข้าม อาการไมเกรน แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยในตอนแรก เพราะหากปล่อยไว้โดยไม่ดูแล อาจพัฒนาไปสู่ ไมเกรนเรื้อรัง ที่ส่งผลกระทบต่อทั้งร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรง การเข้าใจต้นเหตุ ป้องกัน และเข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธีตั้งแต่เนิ่นๆ คือกุญแจสำคัญในการกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีอีกครั้ง ผู้อ่านท่านใดที่มีความสนใจอยากเข้ารับการรักษาอาการไมเกรน สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ H8 Clinic คลินิกเฉพาะทางด้านไมเกรน ที่ดูแลคุณอย่างใส่ใจโดยแพทย์เฉพาะทางด้านระบบประสาทและสมอง พร้อมด้วยนวัตกรรมการรักษาที่ทันสมัย ติดตามผลอย่างใส่ใจค่ะ